Thailand Future Fund โชว์ศักยภาพทรัพย์สินที่เข้าลงทุนครั้งแรก เดินหน้าระดมทุนขยายโครงข่ายทางพิเศษเพิ่มศักยภาพให้แก่ประเทศ เตรียมโรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุน มั่นใจผลตอบรับดี

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยหรือ Thailand Future Fund (TFFIF) เดินหน้าเข้าลงทุนครั้งแรกในสิทธิ การรับรายได้จากค่าผ่านทางร้อยละ 45 ของรายได้ค่าผ่านทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถีของ กทพ. เป็นระยะเวลา 30 ปี โชว์ศักยภาพปริมาณการจราจรเฉลี่ยต่อวันย้อนหลัง 3 ปีของทางพิเศษทั้ง 2 เส้นทางเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 ต่อปีนับจากรอบปีบัญชีสิ้นสุด 30 ก.ย. 2558 ถึงสิ้นสุด 30 ก.ย. 2560 ตั้งเป้าระดมทุนนำมาก่อสร้างทางพิเศษสายใหม่ พร้อมเตรียมแผนจัดกิจกรรมโรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองในภูมิภาคต่างๆ มั่นใจจะได้รับการตอบรับที่ดี

นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า รัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยหรือ Thailand Future Fund (TFFIF) เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจใช้เป็นแหล่งเงินทุนทางเลือก ทำให้สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยลดการพึ่งพางบประมาณแผ่นดิน เงินกู้ หรือการสะสมรายได้ของรัฐวิสาหกิจเอง เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยยังมีความจำเป็นต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอีกจำนวนมากเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันให้แก่ประเทศ แก้ไขปัญหาการจราจร ลดต้นทุนด้านคมนาคมขนส่ง และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลได้พิจารณานำทรัพย์สินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งเป็นกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ที่มั่นคงและมีโอกาสเติบโตในอนาคต เพื่อให้กองทุน TFFIF เข้าลงทุนครั้งแรก โดยจะเข้าลงทุนในสิทธิในการรับรายได้ค่าผ่านทางพิเศษที่ร้อยละ 45 ของรายได้ค่าผ่านทางรวมที่จัดเก็บได้จากทางพิเศษ 2 เส้นทางที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน ได้แก่ ทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถี รวมระยะทาง 83.2 กิโลเมตร เป็นระยะเวลา 30 ปีนับจากวันที่กองทุนเข้าทำสัญญากับ กทพ. โดย กทพ. ยังคงเป็นผู้บริหารจัดการและเป็นเจ้าของทางพิเศษดังกล่าว

นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ รองผู้ว่าการฝ่ายก่อสร้างและบำรุงรักษา การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า กทพ. มีวิสัยทัศน์มุ่งมั่นพัฒนาทางพิเศษเพื่อให้บริการที่ดี มีความคุ้มค่า สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย อย่างยั่งยืน โดยได้รับเลือกจากรัฐบาลให้เป็นหน่วยงานแรกในการนำทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถี ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ กทพ. ที่มีรายได้สม่ำเสมอ มาระดมทุนผ่านกองทุน TFFIF เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้ขยายทางพิเศษได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน กทพ. มีความจำเป็นต้องขยายโครงข่ายทางพิเศษเพื่อบรรเทาปัญหาจราจรและช่วยเพิ่มศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ประเทศ แม้ว่าในปัจจุบันมีทางพิเศษที่เปิดให้บริการรวม 8 เส้นทาง ทั้งที่ กทพ. เป็นผู้ดำเนินงานเองและร่วมกับคู่สัญญาที่ได้รับสัมปทาน แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ

สำหรับทางพิเศษทั้ง 2 เส้นทาง ถือว่ามีความสำคัญต่อการเชื่อมต่อของการเดินทาง โดยทางพิเศษฉลองรัชมีระยะทาง 28.2 กิโลเมตร เริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก (บริเวณจตุโชติ) และสิ้นสุดที่บริเวณสุขุมวิท 50 เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครบริเวณอาจณรงค์ ส่วนทางพิเศษบูรพาวิถี มีระยะทาง 55 กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในทางยกระดับที่มีการจัดเก็บค่าผ่านทางที่มีระยะทางยาวที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อปลายทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ช่วงบางนา) และสิ้นสุดที่บริเวณก่อนถึงทางเลี่ยงเมืองชลบุรี

ส่วนเงินที่กทพ. ได้รับจากการโอนสิทธิในรายได้ของทางพิเศษดังกล่าว กทพ. จะนำไปใช้ลงทุนพัฒนาทางพิเศษ 2 เส้นทาง ได้แก่ 1.โครงการทางพิเศษพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก และ 2.โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 และ E-W Corridor ด้านตะวันออก ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงโครงข่ายทางพิเศษให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยและแบ่งเบาภาระทางการคลังของรัฐบาล

นายวราห์ สุจริตกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการ

การจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่กองทุนฯ จะลงทุนในครั้งแรกนั้น ได้แก่ สิทธิในรายได้ในอนาคตร้อยละ 45 ของทางพิเศษฉลองรัชและบูรพาวิถี ซึ่งทางพิเศษทั้ง 2 สายทางเป็นทรัพย์สินของกทพ. ที่เปิดให้บริการมาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี โดยไม่เคยมีการปิดซ่อมบำรุงทั้งสายทางและมีรายได้สม่ำเสมอ ทั้งนี้ กองทุนฯ ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหรือเงินลงทุนใดๆ เพื่อซ่อมแซมทางพิเศษดังกล่าว

ทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถี ตั้งอยู่ในทำเลจุดยุทธศาสตร์ที่มีประชากรหนาแน่น สามารถเชื่อมต่อการเดินทางกับพื้นที่สำคัญๆ รอบกรุงเทพฯ พื้นที่แถบปริมณฑลและพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจ เขตอุตสาหกรรมและเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ขณะเดียวกันคาดว่ากองทุน TFFIF จะได้รับประโยชน์จากปริมาณการจราจรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การปรับอัตราค่าผ่านทางในอนาคต การขยายทางที่มีการจัดเก็บค่าผ่านทางและทางเชื่อมต่อ ตลอดจนการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม เช่น ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และ 9 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำทางหลวงพิเศษทั้ง 2 สายทางมาระดมทุนผ่านกองทุนฯ แล้ว

ส่วนความคืบหน้าของกองทุน TFFIF หลังจากที่ได้ยื่นแบบ Filing ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งภายหลังได้รับการอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนกองทุนฯ จะดำเนินการกำหนดวันที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อหน่วยลงทุนต่อไป และคาดว่าจะนำหน่วยลงทุนของ TFFIF เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้

นายตรัยรักษ์ เต็งไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจและตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การจัดตั้งกองทุน TFFIF เป็นส่วนหนึ่งในแผนงานของรัฐบาลที่จะนำโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจมาระดมทุนจากประชาชนโดยใช้ตราสารทุน เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเพดานหนี้สาธารณะ จึงนับเป็นกองทุนที่มีศักยภาพและน่าสนใจในการลงทุน

นายเอกภพ เมฆกัลจาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ได้เตรียมจัดกิจกรรมโรดโชว์พบนักลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมืองในภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดและความน่าสนใจของกองทุนฯ รวมถึงจุดเด่นของทางพิเศษทั้ง 2 เส้นทางซึ่งเป็นทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานของ กทพ. ที่กองทุน TFFIF จะเข้าลงทุนครั้งแรก โดยการจัดโรดโชว์พบนักลงทุนในกรุงเทพฯ นั้น กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 28 กันยายนนี้ ตั้งแต่เวลา 13.30 – 16.00 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ กองทุน TFFIF จะมีการเสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนรายย่อยที่เป็นผู้ลงทุนทั่วไป โดยในการจัดสรรหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปนั้น ต้องการเปิดโอกาสให้ได้รับสิทธิ์อย่างเสมอภาค โดยจะใช้วิธี การจองซื้อแบบ Small Lot First ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. หรือการจัดสรรหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปทุกรายตามจำนวนหน่วยจองซื้อขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในรอบแรก และวนไปเรื่อยๆ รอบละเท่ากันจนกว่าจะครบตามจำนวนที่เสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนที่สนใจมีสิทธิ์จองซื้อหน่วยลงทุนและได้รับการจัดสรรอย่างเท่าเทียมกัน

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทจัดการ กล่าวว่า หลังจากที่กองทุน TFFIF เข้าลงทุนในสิทธิในการรับรายได้ค่าผ่านทางพิเศษ ร้อยละ 45 ของรายได้ค่าผ่านทางรวมหลังจากหักภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่จัดเก็บได้จากทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถี กทพ. จะยังคงสถานะเป็นเจ้าของทรัพย์สินเช่นเดิม โดยในฐานะบริษัทจัดการพร้อมทำงานร่วมกันเพื่อบริหารกองทุน TFFIF ให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทุกคน

อย่างไรก็ดี TFFIF นับเป็นกองทุนที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีนโยบายเข้าลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีผลการดำเนินงานที่ดี โดยการลงทุนครั้งแรกนั้นได้คัดเลือกทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษ

บูรพาวิถี ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพและผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ดีอย่างต่อเนื่องมาจัดตั้งกองทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทจัดการ กล่าวว่า การลงทุนในกองทุน TFFIF ถือว่ามีความน่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอจากการได้รับเงินปันผลจากกองทุน และน่าจะให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบัน แต่มีความผันผวนต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น นอกจากนี้นักลงทุนรายย่อย (บุคคธรรมดา) จะได้รับยกเว้นการจัดเก็บภาษีจากเงินปันผลที่ได้รับจากกองทุนฯ อีกด้วย

ขณะที่กองทุน TFFIF นั้นมีโอกาสการเติบโตที่ดีในอนาคต เนื่องจากสามารถเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินที่เป็นกิจการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ของภาครัฐในอนาคต เช่น ทางหลวง สนามบิน ท่าเรือ ระบบราง ฯลฯ ซึ่งจะทำให้กองทุนฯ มีสินทรัพย์ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่หลากหลาย และส่งผลดีต่อการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายและโอกาสได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าจากการลงทุน

goo.gl/JdurSJ

รายชื่อผู้บริหารและตำแหน่ง (ภาษาอังกฤษ)

(สคร.) Mr. Prapas Kong-ied, Director General, State Enterprise Policy Office.

(กทพ.) Mr. Suchart Chonsakpipat, Deputy Governor for Construction and Maintenance, Expressway Authority of Thailand

(ฟินันซ่า) Mr. Varah Sucharitakul, Executive Director, Finansa Securities Limited

(ภัทร) Mr. Trairak Tengtrirat, Managing Director, Head of Investment Banking & Capital Markets Group, Phatra Securities Public Company Limited

(กรุงไทย) Mr. Ekkapob Makeguljai, Executive Vice President, Global Markets Group, Krungthai Bank Public Company Limited

(KTAM) Ms. Chavinda Hanratanakool, Chief Excutive Officer, Krungthai Asset Management Public Company Limited

(MFC) Ms. Prapa Puranachote, Managing Director, MFC Asset Management Plc.